22 กรกฎาคม วันสมองโลก หยุดทำร้ายสมอง
22 July 2025

สมองเสื่อมหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้จะสูงวัยก็ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคนี้ การดูแลตัวเองตั้งแต่วัยกลางคนช่วยลดโอกาสเสี่ยงสมองเสื่อมได้
ลดละเลิก 7 สาเหตุทำร้ายสมอง
1. ลดอ้วน
เมื่อน้ำหนักเกินหรืออ้วนจะนำไปสู่โรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมทั้งสมองเสื่อม
แนะนำ : ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
2. เลิกเหล้าบุหรี่
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ทำลายสมองและทำร้ายหลอดเลือดสมองรวมทั้งหลอดเลือดทั่วร่างกาย การเลิกบุหรี่ได้จะลดความเครียด ความวิตกกังวล ลดเสี่ยงซึมเศร้า
แนะนำ : หากเลิกดื่มหรือเลิกบุหรี่เองไม่ได้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อบำบัด
3. งดเศร้างดเครียด
ความเครียดและความเศร้าที่สะสมอยู่เป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้าจะมีโอกาสสมองเสื่อม 2 เท่าของคนทั่วไป
แนะนำ : ทำงานอดิเรกที่ชอบ ปรึกษาระบายความในใจ เบี่ยงเบนความสนใจจากความเครียดความเศร้า หากมีความเศร้ายาวนานเกิน 2 สัปดาห์ควรปรึกษาแพทย์
4. เลี่ยงอุบัติเหตุสมอง
ผู้ที่เล่นกีฬาประเภทกระทบกระเทือนสมองอย่างเช่น ต่อยมวย ฟุตบอล รักบี้ หรือเคยเกิดอุบัติรุนแรงที่ศีรษะถึงแม้จะหายแล้ว ตอนอายุมากมีโอกาสเสี่ยงสมองเสื่อม
แนะนำ : เลี่ยงกีฬากระเทือนสมอง รู้จักป้องกันการบาดเจ็บศีรษะเมื่อเดินทาง เช่น คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อก ใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง
5. นอนพอ
ในวัยสูงอายุมักจะต้องการนอนวันละประมาณ 8-9 ชั่วโมง แต่มักมีอุปสรรคทำให้นอนไม่พอ นอนไม่หลับ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ อาการปวดตามร่างกาย เมลาโทนินในร่างกายลดลง ไม่ได้รับแสงแดดเพียงพอ ทำให้หลับยาก ตื่นง่าย
แนะนำ : เลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีนหลังช่วงบ่าย เข้านอน 4 ทุ่มและไม่ควรเกินเที่ยงคืน ตื่นเป็นเวลา เลี่ยงการใช้ชีวิตนั่ง ๆ นอน ๆ ควรออกกำลังกายเป็นประจำ รับแสงแดดอ่อน ๆ งดหน้าจอทุกประเภทเมื่อใกล้เวลานอน
6. ได้ยินให้ชัด
ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินมักจะไม่อยากสื่อสารกับใคร ทำให้รู้สึกเหงามีผลต่อสุขภาพจิตและนำไปสู่สมองเสื่อมได้
แนะนำ : หากพบว่ามีปัญหาการได้ยินควรใส่เครื่องช่วยฟัง เพื่อให้พูดคุยกับคนอื่นได้ ไม่ต้องแยกตัวจากสังคม
7. ระมัดระวังการใช้ยา
ยาบางประเภท เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาแก้แพ้รุ่นเก่า ๆ ยารักษาโรคจิต และยาต้านเศร้า ยาคลายกล้ามเนื้อบางประเภท ทำให้ความจำและความสามารถของสมองแย่ลง
แนะนำ : ไม่ควรซื้อยากินเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อใช้ยา
1. ลดอ้วน
เมื่อน้ำหนักเกินหรืออ้วนจะนำไปสู่โรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมทั้งสมองเสื่อม
แนะนำ : ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
2. เลิกเหล้าบุหรี่
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ทำลายสมองและทำร้ายหลอดเลือดสมองรวมทั้งหลอดเลือดทั่วร่างกาย การเลิกบุหรี่ได้จะลดความเครียด ความวิตกกังวล ลดเสี่ยงซึมเศร้า
แนะนำ : หากเลิกดื่มหรือเลิกบุหรี่เองไม่ได้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อบำบัด
3. งดเศร้างดเครียด
ความเครียดและความเศร้าที่สะสมอยู่เป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้าจะมีโอกาสสมองเสื่อม 2 เท่าของคนทั่วไป
แนะนำ : ทำงานอดิเรกที่ชอบ ปรึกษาระบายความในใจ เบี่ยงเบนความสนใจจากความเครียดความเศร้า หากมีความเศร้ายาวนานเกิน 2 สัปดาห์ควรปรึกษาแพทย์
4. เลี่ยงอุบัติเหตุสมอง
ผู้ที่เล่นกีฬาประเภทกระทบกระเทือนสมองอย่างเช่น ต่อยมวย ฟุตบอล รักบี้ หรือเคยเกิดอุบัติรุนแรงที่ศีรษะถึงแม้จะหายแล้ว ตอนอายุมากมีโอกาสเสี่ยงสมองเสื่อม
แนะนำ : เลี่ยงกีฬากระเทือนสมอง รู้จักป้องกันการบาดเจ็บศีรษะเมื่อเดินทาง เช่น คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อก ใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง
5. นอนพอ
ในวัยสูงอายุมักจะต้องการนอนวันละประมาณ 8-9 ชั่วโมง แต่มักมีอุปสรรคทำให้นอนไม่พอ นอนไม่หลับ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ อาการปวดตามร่างกาย เมลาโทนินในร่างกายลดลง ไม่ได้รับแสงแดดเพียงพอ ทำให้หลับยาก ตื่นง่าย
แนะนำ : เลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีนหลังช่วงบ่าย เข้านอน 4 ทุ่มและไม่ควรเกินเที่ยงคืน ตื่นเป็นเวลา เลี่ยงการใช้ชีวิตนั่ง ๆ นอน ๆ ควรออกกำลังกายเป็นประจำ รับแสงแดดอ่อน ๆ งดหน้าจอทุกประเภทเมื่อใกล้เวลานอน
6. ได้ยินให้ชัด
ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินมักจะไม่อยากสื่อสารกับใคร ทำให้รู้สึกเหงามีผลต่อสุขภาพจิตและนำไปสู่สมองเสื่อมได้
แนะนำ : หากพบว่ามีปัญหาการได้ยินควรใส่เครื่องช่วยฟัง เพื่อให้พูดคุยกับคนอื่นได้ ไม่ต้องแยกตัวจากสังคม
7. ระมัดระวังการใช้ยา
ยาบางประเภท เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาแก้แพ้รุ่นเก่า ๆ ยารักษาโรคจิต และยาต้านเศร้า ยาคลายกล้ามเนื้อบางประเภท ทำให้ความจำและความสามารถของสมองแย่ลง
แนะนำ : ไม่ควรซื้อยากินเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อใช้ยา