การจัดยา
การจัดยาในแต่ละวันใส่กล่อง จะลดการที่ผู้มีภาวะสมองเสื่อม กินยาผิดหรือกินยาเกินขนาดได้ จัดสำหรับก่อน/หลังอาหาร มือเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน นอกจากนี้ควรทราบว่า ยาใดไม่ควรบด ยาใดควรกินพร้อมมื้ออาหาร
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับยา
1. ลักษณะของยาเม็ดทั่ว ๆ ไปที่ขายในบ้านเรามี 4 แบบคือ- ยาที่จะทนแสงและความชื้นพอได้ อยู่ในขวดหรือแผงพลาสติก
- ยาที่ทนแสงได้ แต่ไม่ชอบความชื้น อยู่ในแผงฟอยล์ และ พลาสติกใส
- ยาที่ไม่ชอบแสง แต่ทนความชื้นพอได้ อยู่ในขวดหรือแผงสีชา
- ยาที่ไม่ชอบทั้งแสงและความชื้น อยู่ในแผงฟอยล์และพลาสติกมิดชิด
2. ยาทั่วไปเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้ อุณหภูมิห้องคือในห้องประมาณ 28 องศา ไม่ใช่ห้องตากแดดทั้งวัน เก็บในที่ไม่โดนแสงสว่าง ไม่วางไว้บนหลังตู้เย็น
3. ยาไม่ได้บอกว่าต้องเก็บในที่เย็น ไม่ต้องใส่ตู้เย็น สำหรับยาที่ต้องเก็บในตู้เย็นเอาไว้กลางๆ ตู้เย็น (2-8 องศา)
4. อย่าเก็บยาไว้กับของที่กินไม่ได้ ยาคล้ายกันต้องแยกให้ชัดเจนป้องกันอันตรายการจากการหยิบผิด
5. ยาน้ำที่เปิดขวดแล้ว เช่น ยาฆ่าเชื้อที่ต้องผสมน้ำก่อนใช้ ยาหยอดตา และ ยาฉีดอินซูลินชนิดปากกาที่ไม่ต้องแช่ตู้เย็น มีอายุ 28 วัน ยาใช้ภายนอก มีอายุ 1 ปี
6. ปริมาตรการตวงยา 5 ซีซี = 1 ช้อนชา; 15 ซีซี = 1 ช้อนโต๊ะ
แนวทางจัดการเรื่องยาให้กับผู้ป่วย
1. แบบที่เหมาะสมที่สุด อยู่ที่การใช้ชีวิต ความสามารถในการดูแลตัวเองของแต่ละคน ให้ได้ยาครบและผู้ดูแลไม่ลำบากเกินไป เช่น
- ผู้ดูแลจัดให้ ดูว่าผู้ป่วยได้กิน อาจจะจัดยาตามมื้อ โดยไม่ต้องจัดใส่กล่องก่อนก็ได้
- ผู้ป่วยพอรู้เรื่องแต่ผู้ดูแลไปทำงานไม่มีเวลา จัดใส่ซอง หรือกล่องเป็น ยาประจำมื้อ เขียนวันและเวลากินไว้หน้าซองให้ชัดเจน เรียงเป็นวัน ๆ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน (ก่อน/หลังอาหาร)
- อย่าจัดยานานเกินไป เช่น จัดไว้ทั้งเดือน
2. ยาที่อยู่ในแผงฟลอย อย่าแกะจากฟลอย ให้แกะก่อนกิน ไม่เกิน 1 วัน
3. ตรวจสอบว่ากินตรงกับที่แพทย์สั่ง ทั้งขนาดและวิธีกินหรือใช้
4. หากมีช่วงเวลาที่ไม่สะดวกให้ยา เช่น กลางวันไม่มีคนดูแล ไม่มีคนให้ยา ให้แจ้งแพทย์เพื่อจะได้เลือกยาที่เหมาะสม
5. รายงานผลข้างเคียง ที่ไม่พึงประสงค์ที่ทำให้ไม่อยากกินยา เช่น กินแล้วคลื่นไส้ แพทย์จะได้ปรับเปลี่ยนเป็นยาอื่นแทน
6. ยาของใครของมัน ตามอาการและร่างกายของแต่คน แบ่งกัน แลกกัน แจกกันกินไม่ได้
การเตือนการกินยา
- ตั้งเวลาใน มือถือ- ทำสมุดบันทึกรายการยา
ถ้ากลืนยาทั้งเม็ดไม่ได้ทำอย่างไร
- ยาน้ำดีสุด แต่ความข้นหนืดอาจจะทำให้เกิดท้องอืด ท้องเสียหรือไปจับตัวกับ อาหารในสายยางทำให้อุดตัน ให้เจือจางก่อน เล็กน้อยด้วยน้ำ ประมาณ 10 ซีซี- ยาเม็ดที่บดได้ ใช่โกร่งบด (หรือที่ถนัด) บดให้ละเอียดแล้วผสมน้ำ 10-15 ซีซี- ยาแคปซูลเจลาตินแข็ง เปิดแคปซูลเอาผงออกมาละลายน้ำ 10-15 ซีซี
- ยาแคปซูลเจลาตินนิ่ม เอาเข็มเจาะ แล้ว บีบเอายาข้างในออกมา ผสมน้ำ 10-15 ซีซี
- ยาผง ละลายน้ำ 15-30 ซีซี คนให้ละลายแล้วรีบให้เพราะยาจะพองตัวแล้วหนืด และ ต้องกินห่างยาจากอื่นประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพราะจะทำให้ยาอื่นไม่ดูดซึม
กรณีให้อาหารทางสายยาง
- ก่อนให้ยา ให้น้ำ 30-60 ซีซี ไล่อาหารที่ตกค้างในสายยาง- ไม่ผสมยาในอาหารเพราะมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาและอาหาร หรือการจับตัวทำให้สายอาหารอุดตัน ผู้ป่วยจะไม่ได้รับยาตามขนาดที่แพทย์สั่ง
- เว้นระยะเวลาการให้ยาและ อาหาร 15 นาที ถึง 2 ชั่วโมง
ยาที่ห้ามบด
- ยาเม็ดเคลือบที่ออกแบบมาไม่ให้ระคายเคืองกระเพาะ เช่น Aspirin ชนิดเคลือบ- ยาลดการสร้างกรดในกระเพาะอาหารบางชนิด (Omeprazole) ต่าง ๆ
- ยาที่ออกฤทธิช้า ๆ นาน ๆ มักเป็นยาที่มีนามสกุลต่อท้าย เช่น SR CR XR HBS ยาจะแข็งทุบไม่แตก มีรูเล็ก ๆ ข้างหลัง ยาจะค่อยๆ ออกมาจากรูนั้น แล้ว เปลือกยาจะออกมาทางอุจจาระ ตัวอย่าง เช่น Madopar HBS, Diamicrom MR
- ยาที่ไม่มีนามสกุลแต่ ก็บดไม่ได้ มักมาเป็บแคปซูล • Pristiq 50 mg • Cymbalta (30,60 mg) • Invega (3,6,9 mg) • Dilantin Kapseal
- ยาอมใต้ลิ้น ดูดซึมทางหลอดเลือดดำใต้ลิ้น อย่าเคี้ยว
- ยาวางบนลิ้น ละลายในปาก ไม่ลายในมือ เจอน้ำจะแตกตัวง่าย ออกแบบสำหรับคนกลืนลำบากไม่ต้องบด แต่ถ้าผู้ป่วยกลืนได้ ก็กินแบบยาทั่วไปได้ ต้องระวังหากต้องตัดยา เพราะเมื่อโดนความชื้นภายนอก ยาจะสลายอย่างรวดเร็ว
- ยาผงฟู่ ละลายน้ำแล้วกินได้เลย
- ยาเคมีบำบัด มีคุณสมบัติทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำลายเซลดี ๆ ด้วย ดังนั้น คนให้ยาก็ต้องระวัง อย่าสัมผัสสูดดมโดยตรง เพราะจะอันตรายกับผู้ดูแลเอง ต้องบดหรือตัดยาในถุง ไม่ให้ฟุ้งกระจาย ผู้เตรียมต้องใส่ถุงมือ และผ้าปิดปากทุกครั้ง หากจะให้ดี ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร หรือศึกษาเอกสารกำกับยาก่อนว่า ยาที่ได้รับบดได้หรือไม่
เมื่อลืมกินยา
1. ให้ข้ามมื้อต่อไปเลย ห้ามกินเพิ่มทบต้น2. ยาที่กินวันละครั้ง ถ้าลืมแล้วนึกได้ภายใน 12 ชม กินได้เลย
3. ถ้าอาเจียน ดูว่ามียาออกมาไหมถ้ามีกินเพิ่มได้ ถ้าไม่แน่ใจ อย่ากินเพิ่ม
ที่มา: สรุปเรื่องการจัดยา จากการอบรมญาติผู้มีภาวะสมองเสื่อม
โดย ภญ กรองทอง พุฒิโภคิน
เมื่อลืมกินยา
1. ให้ข้ามมื้อต่อไปเลย ห้ามกินเพิ่มทบต้น
2. ยาที่กินวันละครั้ง ถ้าลืมแล้วนึกได้ภายใน 12 ชม กินได้เลย
3. ถ้าอาเจียน ดูว่ามียาออกมาไหมถ้ามีกินเพิ่มได้ ถ้าไม่แน่ใจ อย่ากินเพิ่ม
1. ให้ข้ามมื้อต่อไปเลย ห้ามกินเพิ่มทบต้น
2. ยาที่กินวันละครั้ง ถ้าลืมแล้วนึกได้ภายใน 12 ชม กินได้เลย
3. ถ้าอาเจียน ดูว่ามียาออกมาไหมถ้ามีกินเพิ่มได้ ถ้าไม่แน่ใจ อย่ากินเพิ่ม
บทความที่เกี่ยวข้อง