อยู่เป็นเมื่อเป็นเบาหวาน 14 พฤศจิกายน วันเบาหวานโลก
14 November 2025

สาเหตุหนึ่งของโรคเบาหวานที่พบมากมาจากการกินและการใช้ชีวิตของเราเอง และเมื่อเป็นโรคเบาหวานแล้วมักจะรู้สึกความสุขในการกินอยู่ลดลงไป เนื่องจากอาหารโปรดหลายอย่างกลายเป็นของไม่ควรกินเสียแล้ว เพราะการเป็นเบาหวานแล้วควบคุมโรคไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเบาหวานถึง 6.5 ล้านคน วันที่14 พฤศจิกายนของทุกปีได้รับเลือกให้เป็นวันเบาหวานโลก เรามาร่วมตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการอยู่ร่วมกับโรคเบาหวานอย่างมีคุณภาพชีวิต เมื่อเป็นโรคเบาหวานแล้วควรดูแลตัวเองอย่างไรจึงจะมีความสุข ประคองสุขภาพของเราให้รอดพ้นจากภาวะแทรกซ้อนได้
ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเบาหวานถึง 6.5 ล้านคน วันที่14 พฤศจิกายนของทุกปีได้รับเลือกให้เป็นวันเบาหวานโลก เรามาร่วมตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการอยู่ร่วมกับโรคเบาหวานอย่างมีคุณภาพชีวิต เมื่อเป็นโรคเบาหวานแล้วควรดูแลตัวเองอย่างไรจึงจะมีความสุข ประคองสุขภาพของเราให้รอดพ้นจากภาวะแทรกซ้อนได้
เพราะโรคเบาหวานนำไปสู่หลายโรคที่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์และหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจตีบ จอประสาทตาเสื่อม ตาบอด ไตวายเรื้อรัง ปวดขา รวมทั้งเท้าขาดเลือดจนกระทั่งอาจต้องตัดขา
ความจริงแล้วไม่ต้องกินอยู่ยากเสมอไปเมื่อเป็นเบาหวานหากเรา “อยู่เป็น” ด้วยการปรับอาหารและการใช้ชีวิต ก็ยังมีโอกาสได้กินของอร่อยและควบคุมเบาหวานไปพร้อม ๆ กัน
การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง รวมทั้งอาหารบางประเภทอย่างไม่เหมาะสมทำให้ควบคุมโรคเบาหวานได้ยาก การปรับเปลี่ยนบางอย่างช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้
เทคนิคการกินเหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดให้น้อยลง
1. ลดการกินของหวานและแป้งให้น้อยลง เช่น ขนมหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่าง ๆ น้ำผลไม้ เบเกอรี่ แป้งขัดขาว อาหารไขมันสูง ของทอด อาหารแปรรูป เป็นต้น
2. เลี่ยงการกินอาหารในปริมาณมาก เลี่ยงการกินบุฟเฟ่ต์ หรือมีปาร์ตี้ก็อย่าลืมควบคุมปริมาณอาหาร
3. เลือกอาหารที่มีเส้นใยสูง ผัก และผลไม้รสไม่หวานจัด
4. เลือกอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) เช่น
ผัก - ผักใบเขียว แตงกวา มะเขือเทศ รวมทั้งสมุนไพรและเครื่องเทศ เป็นต้น
*ผักที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เช่น มะระขี้นก ตำลึง ชะพลู เตยหอม เชียงดา เป็นต้น
ผลไม้ไม่หวานจัด - แอปเปิล แก้วมังกร ชมพู่ ฝรั่ง สาลี่ กล้วยไม่สุกจัด มะม่วงดิบ เป็นต้น
ธัญพืช - ข้าวไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวไรซ์เบอร์รี ลูกเดือย ข้าวฟ่าง เป็นต้น
ถั่ว - ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
โปรตีน - เนื้อปลา เนื้อไก่ และเนื้อสัตว์ไม่ติดมันไม่ติดหนัง เห็ด ไข่ นมจืดพร่องมันเนย โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
5. กินอาหารที่ชอบได้แต่กินน้อย ๆ ร่วมกับลดปริมาณอาหารอื่นลง เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป
อาหารควรระวัง !
1. อาหารและเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งของเบาหวาน
2. อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง หมูยอ ฯลฯ ก็นำไปสู่โรคเบาหวานได้
3. อาหารเค็มจัด อาหารและผลไม้หมักดอง เครื่องปรุง เครื่องดื่มชูกำลัง
4. ผลไม้แห้ง
1. อาหารและเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งของเบาหวาน
2. อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง หมูยอ ฯลฯ ก็นำไปสู่โรคเบาหวานได้
3. อาหารเค็มจัด อาหารและผลไม้หมักดอง เครื่องปรุง เครื่องดื่มชูกำลัง
4. ผลไม้แห้ง
สารให้ความหวานคือส่ิงที่ใช้ทดแทนน้ำตาล โดยให้รสชาติหวานมากกว่าน้ำตาลหลาย 100 เท่า แต่ให้พลังงานต่ำหรือไม่ให้พลังงาน จึงมีการนำมาใช้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
สารให้ความหวานสำหรับผู้ป่วยเบาหวานแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ ซูคราโรส สตีเวียหรือหญ้าหวาน แอสพาร์แตม และแซคคารีน
แต่มีข้อควรระวังคือ ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ไม่ควรกินแอสพาร์แตม และการกินแซคคารีนต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหาร
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยเบาหวานควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกสารให้ความหวานที่เหมาะสมทั้งประเภทและปริมาณที่ใช้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การใช้เทคนิคการกินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษสำหรับหลายโรครวมทั้งเบาหวาน ช่วยควบคุมและลดความรุนแรงของโรคโดยการทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราลดลง
เนื่องจากขณะออกกำลังกายร่างกายจะดึงน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน น้ำตาลที่มีอยู่ในกระแสเลือดจึงลดปริมาณลง
*ผู้ป่วยเบาหวานที่ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง จะควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดี และยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในระยะยาวได้ นอกจากนี้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีอีกด้วย
อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่นำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นพลังงานหรือเก็บสะสม โรคเบาหวานเกิดจากการขาดอินซูลิน หรือเซลล์ในร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงาน ระดับน้ำตาลในเลือดจึงมีสูง
1. เลือกการออกกำลังกายที่เหมาะกับสภาพร่างกายของตัวเอง ไม่หักโหม
2. ควรออกกำลังกายระดับปานกลางไม่หนักหรือเบาจนเกินไปให้ได้ 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือประมาณวันละ 30 นาที
3. แนะนำการออกกำลังกาย
แบบแอโรบิค เช่น เดิน ว่ายน้ำ เต้นรำ เต้นแอโรบิกแบบไม่หนักหน่วง ฯลฯ
ควรออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ เช่น ยกแขน ยกขวดน้ำหรือดัมเบล ยางยืด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ออกกำลังกายช่วยการทรงตัวและยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เช่น การยืนขาข้างเดียว นั่งหรือยืนเหยียดขา สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง
แนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีโรคประจำตัว และสูงอายุปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย
อย่าปล่อยให้อ้วนหรือน้ำหนักเกิน การมีน้ำหนักในเกณฑ์ปกตินอกจากลดปัญหาเบาหวานแล้วยัง ลดเสี่ยงโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อัมพฤกษ์-อัมพาต และสมองเสื่อม พยายามให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่อ้วนหรือผอมเกินไป
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำทำให้ตับอ่อนอักเสบส่งผลต่อการผลิตอินซูลิน และอาจมีปฏิกิริยากับยารักษาโรคเบาหวาน
การสูบบุหรี่จะทำให้ร่างกายควบคุมน้ำตาลยาก เซลล์ดื้อต่ออินซูลิน และยังทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ไตเสื่อม เบาหวานขึ้นตา และเลือดไม่ไปเลี้ยงขาและเท้า
ผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แพทย์จะรักษาด้วยการให้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานควรปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมักจะได้รับคำแนะนำให้ใช้สมุนไพรต่าง ๆ จึงควรปรึกษาแพทย์เช่นกัน เนื่องจากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำมากเกินไป หรือเป็นอันตรายต่ออวัยวะในร่างกาย เช่น ตับ หรือไต เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงและการป้องกันเบาหวาน





