ทำอย่างไรเมื่อผู้ดูแลโกรธผู้ป่วยสมองเสื่อม

ทำอย่างไรเมื่อผู้ดูแลโกรธผู้ป่วยสมองเสื่อม
15 มิถุนายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้สูงอายุโลก
มาร่วมตระหนักถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นกันเถอะ
การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมมีความกดดันหลายด้าน ส่งผลต่ออารมณ์ของผู้ดูแลอย่างยิ่ง ปัญหาพฤติกรรมของผู้ป่วยมีโอกาสกระตุ้นให้ผู้ดูแลเกิดความรู้สึกโกรธแต่เมื่อโกรธแล้วจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรก่อนจะเผลอทำร้ายผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายและจิตใจ

รศ.พญ.ดาวชมพู นาคะวิโร ผู้ช่วยหัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์​
โรงพยาบาลรามาธิบดี มีคำแนะนำดังต่อไปนี้
ทำอย่างไรหากผู้ดูแลโกรธผู้ป่วย

เริ่มต้นจากรับรู้อารมณ์ เข้าใจตัวเองและสาเหตุของความโกรธ การรับรู้อารมณ์ว่ากำลังโกรธ อาจสังเกตผ่านร่างกาย เช่น อึดอัด แน่นหน้าอก เข้าใจตัวเองว่าความโกรธเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของคนเราเมื่อไม่ได้รับสิ่งท่ีต้องการ เช่น คาดหวังให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น แต่ความคาดหวังที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้เกิดความผิดหวัง แล้วมีอารมณ์โกรธขึ้นมา

ความโกรธอาจเกิดจากการไม่เข้าใจโรคที่ผู้ป่วยเป็น เช่น ภาวะสมองเสื่อมมีผลทำให้ความสามารถในการดูแลตัวเองของผู้ป่วยลดลง แต่ถ้าผู้ดูแลเข้าใจว่าผู้ป่วยแกล้งทำ หรือเรียกร้องความสนใจ ซึ่งเป็นมุมมองต่อผู้ป่วยที่ไม่ตรงกับความจริงก็ส่งผลกับอารมณ์ได้

นอกจากนี้พื้นฐานสภาพอารมณ์ผู้ดูแลก็มีความสำคัญ ถ้าผู้ดูแลไม่พร้อม เนื่องจากเหนื่อยจากที่ทำงาน หรือเหนื่อยจากการรับหน้าที่ดูแล ต้องปรับตัวหลายอย่าง ก็ทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น

แนะนำให้มองทุกอย่างตามความเป็นจริง เรียนรู้โรค รับรู้สาเหตุและแก้ไขที่ต้นเหตุนั้น ๆ
เมื่อรู้ตัวว่าโกรธแล้วควรทำอย่างไรบ้า

การปลีกตัวออกจากสิ่งกระตุ้นให้โกรธ เดินเลี่ยงผู้ป่วยออกมาอยู่ในที่สงบ ดีกว่าเผชิญหน้าอยู่กับเหตุการณ์ที่ทำให้โกรธ

ฝึกอยู่กับลมหายใจ หรือเดินรับรู้ร่างกายที่เคลื่อนไหว จะช่วยให้ออกจากอารมณ์ที่ค้างในใจได้ การฝึกไว้เป็นประจำก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ เช่น ก่อนนอนฝึกอยู่กับลมหายใจแล้วทำให้เกิดความผ่อนคลายทุกวัน จะเหมือนกับการฝึกอาวุธจนชำนาญ เมื่อถึงเวลาจะสามารถใช้ในยามต้องการได้

ทำอย่างไรหากผู้ดูแลรู้สึกผิดที่ปฏิบัติกับผู้ป่วยไม่เหมาะสม

ความรู้สึกผิดมักจะเกิดหลังจากการแสดงอารมณ์โกรธ ถ้าเป็นไปได้เมื่อรู้สึกโกรธแล้วควรรู้ทันอารมณ์ตนเอง หยุดทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็จะไม่มีเหตุกระตุ้นความรู้สึกผิด 

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดความรู้สึกผิดแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกผิด คิดด้านลบกับตัวเอง เปรียบเสมือนการลงโทษตัวเองไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้าได้ 

การเข้าใจว่าความรู้สึกผิดเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติ ที่อยากจะแก้ไข ทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เป็นความปรารถนาดีกับผู้ป่วย และตนเอง
จะทำให้มีกำลังใจที่จะเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องใหม่ได้เสมอ

การกระทำรุนแรงต่อผู้ป่วยมีอะไรบ้าง

ความรุนแรงมีทั้งการแสดงความเฉยเมยต่อผู้ป่วย การใช้คำพูดทำร้ายจิตใจ และการทำร้ายร่างกาย เมื่อใช้ความรุนแรงก็จะส่งผลกระทบต่อสภาวะร่างกาย สมองและจิตใจของผู้ป่วย บางรายอาการแย่ลง การดูแลตัวเองถดถอยลงไป หกล้มง่าย ซึมเศร้า หรือมีปัญหาพฤติกรรมเพิ่มมากขึ้น 
ซึ่งส่งผลกระทบกลับไปสู่ผู้ดูแล
ควรปรับวิธีคิดอย่างไรต่อผู้ป่วย ต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้โกรธ

1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคและพฤติกรรมว่า ภาวะสมองเสื่อมที่ผู้ป่วยเป็นมีอาการอย่างไรบ้างเพื่อดูแลผู้ป่วยในแต่ละระยะของโรคได้อย่างเหมาะสม 

2. เข้าใจมุมมองความคาดหวังที่อยู่ภายใต้อารมณ์โกรธ เช่น ผู้ดูดูแลไม่อยากเหนื่อย คาดหวังให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นในขณะที่ความจริงมีแนวโน้มถดถอยลง การปรับความคาดหวังให้ตรงกับความเป็นจริงจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น 

3. เห็นคุณค่าในตัวเอง การเป็นผู้ดูแลคือการทำความดีด้วยใจที่กรุณา ปรารถนาดี ช่วยเหลือ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นบุพการีคือการได้ตอบแทนบุญคุณ
กิจกรรมใดบ้างที่ได้ผลดีในการช่วยปรับอารมณ์ผู้ดูแล

1. ออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ด้วยการดูแลสุขภาพกายและใจของผู้ดูแลเอง ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น จิตใจดี มีสารความสุขหลั่ง  และช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม โดยออกกำลังกายแบบที่ชอบ เน้นการกระตุ้นหลอดเลือดและหัวใจ เช่น วิ่ง หรือ เดินเร็ว เน้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ
หรือเน้นการหายใจร่วมกับเคลื่อนไหว เช่น ชี่กง ซึ่งช่วยบริหารปอดด้วย
เป็นต้น

2. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ จัดตารางเวลาให้มีคนมาช่วยผลัดเปลี่ยนเพื่อให้ผู้ดูแลได้พักผ่อนมากขึ้น คุณภาพการนอนมีผลกับอารมณ์ พบว่าหากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอจะอ่อนล้า เหนื่อยง่าย อารมณ์ไม่แจ่มใส โกรธง่าย

3. ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น มีที่ปรึกษาระบายความรู้สึกกับญาติหรือเพื่อนที่ไว้ใจ ขอคำแนะนำจากแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อดูแลอารมณ์ของตัวเอง หาข้อมูลจากสมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม หรือเข้าร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ดูแลท่านอื่น 

4. กิจกรรมตามแนวทางศาสนาที่ผู้ดูแลนับถือ เช่น สวดมนต์ ทำสมาธิ
ฝึกสติ ช่วยให้จิตใจสงบ มั่นคง

ผู้ให้สัมภาษณ์ : รศ.พญ.ดาวชมพู นาคะวิโร
ผู้ช่วยหัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์​
โรงพยาบาลรามาธิบดี
พูดซ้ำถามซ้ำทำเครียดทั้งวัน
หลายบ้านอาจเจอปัญหาคล้ายกันนั่นก็คือ ผู้สูงอายุพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ...
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อม หมายถึง ภาวะที่ความสามารถของสมองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ที่สามารถทำการงานต่าง ๆ ...
บทความอื่นที่น่าสนใจ
น่ารู้เกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่มีมากในอาหารหมู่ที่ 2 ข้าว เผือก มัน ...
วิธีดูแลความปลอดภัย
ผู้มีภาวะสมองเสื่อมที่หายออกจากบ้าน มักจะมีพฤติกรรมเดินหลง ...
ทำอย่างไร เมื่อรู้ตัวว่ามีภาวะสมองเสื่อม
เมื่อพบว่าตนเองมีภาวะสมองเสื่อม ต้องค่อย ๆ ตั้งสติ ...
เตรียมร่างกายสู่วัยสูงอายุคุณภาพ
การเตรียมพร้อมทางร่างกาย ...
Caregiver Connect
 
© Geriatrics Medicine, Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital, Mahidol University. All Rights Reserved.