จริงหรือเท็จเกี่ยวกับสมองเสื่อม

หลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับสมองเสื่อมมาบ้าง ความเข้าใจในบางเรื่องอาจเป็นความจริง บางเรื่องอาจเป็นเพียงความเชื่อ ลองมาเช็กกันดูว่าข้อใดเป็นความจริงบ้าง
ไม่ตรงกับความจริง…ภาวะสมองเสื่อมไม่ได้มีปัญหาด้านความจำเพียงอย่างเดียว แต่ความสามารถของสมองจะบกพร่องไปด้วย ทั้งการใช้ความคิด เหตุผล การบริหารจัดการ การสื่อสาร การรับรู้ การเรียนรู้ ความมีสมาธิจดจ่อ ทักษะการเข้าสังคม บุคลิกและพฤติกรรมเปลี่ยนไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างยิ่ง
หากได้รับการรักษาตั้งแต่เพิ่งเริ่มเป็นในระยะต้น ๆ จะช่วยชะลอความรุนแรงให้ช้าลงได้
ความจริงคือ…ทั้งสองสิ่งมีความเกี่ยวโยงกัน โรคอัลไซเมอร์เป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะสมองเสื่อม เกิดจากการเสื่อมสลายของเนื้อสมองโดยตรง เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดเป็นอันดับ 1
รองลงมาคือสาเหตุจากหลอดเลือดสมอง โดยมีหลายโรคเป็นตัวชักนำ เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง อ้วนลงพุง ฯลฯ ทำให้หลอดเลือดตีบหรืออุดตัน เซลล์สมองจึงตายจากการขาดเลือด
ในผู้มีภาวะสมองเสื่อม 100 คน จะมาจาก 2 สาเหตุนี้ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือมาจากสาเหตุอื่น เช่น ศีรษะเคยกระทบกระเทือนรุนแรง การดื่มแอลกอฮอล์มาก และการใช้ยาเสพติด เป็นต้น
ไม่เป็นความจริง… สมองเสื่อมมักจะเริ่มจากการลืมเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ไม่นานก่อน แต่ยังจำเหตุการณ์ในอดีตเมื่อหลายสิบปีได้ คนใกล้ชิดจึงไม่แน่ใจว่าผู้ป่วยลืมจริง เพราะบางเรื่องนานมาแล้วจำได้แม่นในขณะที่บางเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นกลับลืมสนิท
เมื่ออาการดำเนินไปมากขึ้นความจำเก่าก็จะเลือนหาย ลืมสิ่งที่เคยจำได้ ลืมวิธีการใช้ชีวิต ลืมแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร
ไม่เป็นความจริง…แม้สมองเสื่อมจะพบได้บ่อยขึ้นในคนสูงอายุ แต่ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงตามวัย โดยปกติผู้สูงอายุอาจหลงลืมเล็กน้อยบางครั้ง แต่จะไม่ใช่การลืมแบบสมองเสื่อมที่สูญเสียความจำ สติปัญญา และความสามารถด้านต่าง ๆ
ไม่จำเป็น…การมีคนในครอบครัวเป็นสมองเสื่อมอาจทำให้มีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคนี้เสมอไป
การดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ตั้งแต่วัยกลางคนช่วยลดโอกาสสมองเสื่อมได้
1. คุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน
2. งดเหล้าบุหรี่
3. ลดเครียดเลี่ยงความเศร้า
4. ป้องกันอุบัติเหตุสมอง
5. นอนหลับพอเพียง
6. อย่าปล่อยให้บกพร่องการได้ยิน ควรปรึกษาแพทย์ ใช้เครื่องช่วยฟัง
7. ระวังการใช้ยาที่มีผลต่อสมอง
เป็นความจริง…ปัจจุบันยังไม่มียารักษาอัลไซเมอร์ให้หายขาด แต่มียาที่ช่วยชะลออาการสมองเสื่อม และยาช่วยลดอาการทางจิต
สำหรับผู้ป่วยบางรายอาจได้รับผลข้างเคียงจากยาค่อนข้างรุนแรง ยังมีอีกทางเลือกที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากช่วยชะลออาการได้ดี นั่นก็คือ การรักษาโดยไม่ใช้ยา โดยผู้ดูแลทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและอาการ ให้ผู้ป่วยได้ทำกิจกรรมกระตุ้นสมอง ได้กินอาหารมีประโยชน์ ช่วยปรับสภาพแวดล้อมเหมาะกับการใช้ชีวิต ปฏิบัติตัวและสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
ความจริงที่ทุกคนควรทราบก็คือ…ภาวะสมองเสื่อมทำให้ผู้ป่วยสูญเสียทั้งความจำ และความสามารถรอบด้านของสมอง เมื่ออาการเป็นมากผู้ป่วยจะมีปัญหาพฤติกรรม และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นเวลายาวนาน
การเป็นผู้ดูแลนอกจากจะได้รับผลกระทบทั้งทางสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจแล้ว อาจจะขาดโอกาสหารายได้ ขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น นับเป็นปัญหาใหญ่ของครอบครัวเลยทีเดียว
บทความที่เกี่ยวข้อง